คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)
ของผู้ใช้บริการของ บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน)
บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) มุ่งมั่นที่จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในฐานะที่ท่านเป็นผู้ใช้บริการกับบริษัทฯ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัทฯ ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ตามกฎหมายในการแจ้งเอกสารฉบับนี้ให้ท่านทราบถึงเหตุผลและวิธีการที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงแจ้งให้ท่านทราบสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทฯ ยืนยันว่าได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติฉบับนี้เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
1. คำนิยาม
“ข้อมูลส่วนบุคคล”
หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว”
หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ (เช่น ข้อมูลภาพจำลองใบหน้าข้อมูลจำลองม่านตา ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ) หรือข้อมูลอื่นใดที่กระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
“ประมวลผล” หรือ “การประมวลผล”
หมายถึง เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย “ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“ผู้ประมวลข้อมูลส่วนบุคคล”
หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
“กลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์” หมายถึง บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัทในเครือทั้งหมด
2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมจากท่าน
บริษัทฯ จะเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลโดยวิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและจำกัดเพียงแค่เท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการดำเนินการของบริษัทฯ อันประกอบด้วย
1. ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ - นามสกุล, วันเดือนปีเกิด, อายุ, สัญชาติ, เลขประจำตัวประชาชน,เลขที่หนังสือเดินทาง, หมู่โลหิต, ลายมือชื่อ, รูปถ่าย, อาชีพ
2. ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่, หมายเลขโทรศัพท์, อีเมล
3. ข้อมูลเอกสารทางราชการ เช่น สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาหนังสือเดินทาง, เลขที่ใบต่างด้าว
4. ข้อมูลทางการเงิน เช่น สำเนาหน้าบัญชีธนาคาร, ข้อมูลเลขบัตรเครดิต
5. ข้อมูลที่ได้จากเก็บรวบรวมของโรงพยาบาล หรือระบบอัตโนมัติจากอุปกรณ์ต่าง ๆ ของโรงพยาบาล เช่น หมายเลข HN, หมายเลข IP Address, Cookie, พฤติกรรมการใช้บริการ, ประวัติการใช้บริการ, เสียง, ภาพถ่าย, ภายเคลื่อนไหว, ชื่อบัญชี Social Media, Chat, Geolocation โดยโรงพยาบาล จะดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อน ยกเว้นในกรณีดังต่อไปนี้
5.1 เพื่อปฏิบัติตามสัญญา กรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อความจำเป็นต่อการให้บริการหรือปฏิบัติตามสัญญาระหว่างเจ้าของข้อมูลและโรงพยาบาล
5.2 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพ
5.3 เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย
5.4 เพื่อผลประโยชน์อันชอบโดยกฎหมายของโรงพยาบาล กรณีมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์อันชอบธรรมในการดำเนินงานของโรงพยาบาล โดยโรงพยาบาล จะพิจารณาถึงสิทธิของเจ้าของข้อมูลเป็นสำคัญ เช่น เพื่อป้องกันการฉ้อโกง การรักษาความปลอดภัยในระบบเครือข่าย การปกป้องสิทธิเสรีภาพ และประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลเป็นต้น
5.5 เพื่อการศึกษาวิจัยหรือสถิติ กรณีที่มีการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพของเจ้าของข้อมูล
5.6 เพื่อปฏิบัติภารกิจของรัฐ กรณีมีความจำเป็นต่อการปฏิบัติตามภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือการปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจรัฐที่ โรงพยาบาล ได้รับมอบหมายบริษัทฯ อาจจำเป็นต้องเก็บรวมรวมข้อมูลที่มีความอ่อนไหว เช่น เชื้อชาติ ศาสนา ข้อมูลความพิการ ข้อมูลชีวภาพ ข้อมูลทางการแพทย์ โดยบริษัทฯ จะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านทุกครั้งในการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย เว้นแต่
1. เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
2. เป็นการดำเนินกิจกรรมโดยชอบด้วยกฎหมายที่มีการคุ้มครองที่เหมาะสมของมูลนิธิ สมาคม หรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการเมืองศาสนา ปรัชญา หรือสหภาพแรงงาน ให้แก่สมาชิกผู้ซึ่งเคยเป็นสมาชิก หรือผู้ซึ่งมีการติดต่ออย่างสม่ำเสมอกับมูลนิธิ สมาคม หรือองค์กร ที่ไม่แสวงหากำไรตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวโดยไม่ได้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นออกไปภายนอกมูลนิธิ สมาคม หรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรนั้น
3. เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยความยินยอมโดยชัดแจ้งของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
4. เป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฏหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
5. เป็นการจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับ
5.1 เวชศาสตร์ป้องกันหรืออาชีวเวชศาสตร์ การประเมินความสามารถในการทำงานของลูกจ้าง การวินิจฉัยโรคทางการแพทย์ การให้บริการด้านสุขภาพหรือด้านสังคม การรักษาทางการแพทย์การจัดการด้านสุขภาพ หรือระบบการให้บริการด้านสังคมสงเคราะห์
5.2 ประโยชน์ด้านการสาธารณะสุข เช่น การป้องกันด้านสุขภาพจากโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาด
5.3 การคุ้มครองแรงาน การประกันสังคม หลักประกันสุขภาพแห่งชาติสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิตามกฎหมาย การคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ หรือการคุ้มครองทางสังคม
5.4 การศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ หรือประโยชน์สาธารณะอื่น
5.5 ประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
3. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งที่มาดังต่อไปนี้
1. ข้อมูลจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง ที่ท่านได้ให้ไว้ในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เข้ารับการรักษา,ตอบแบบสอบถาม, สมัครรับข้อมูลข่าวสาร, เข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด ช่องทางเว็บไซต์แอพพลิเคชั่นหรือช่องทางอื่นของโรงพยาบาล, การเข้า - ออก ภายในโรงพยาบาล, การจัดอบรม, การจัดซื้อจัดจ้าง, การตอบโต้ทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) หรือการกรอก/ให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน หรือช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ ระหว่างโรงพยาบาลและท่าน
2. ข้อมูลจากบุคคลที่สามที่มีความเกี่ยวข้อง เช่น ญาติ, คนในครอบครัว
3. ข้อมูลจากระบบอัตโนมัติ เช่น ภาพจากกล้องวงจรปิด ข้อมูลจากแอพพลิเคชั่น ข้อมูลจากเครื่องมือทางการแพทย์
4. ข้อมูลการใช้งานเว็ปไซส์ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการอื่น ๆ ตามสัญญาหรือพันธกิจ เช่นการติดตามพฤติกรรมการใช้เว็ปไซส์ ผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทฯ ด้วยการใช้คุกกี้ (Cookies) หรือจากซอฟแวร์บนอุปกรณ์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น
5. ข้อมูลจากการที่เข้าทำสัญญา บันทึกข้อตกลง MOU หรือนิติกรรมอื่น ๆ ระหว่างเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทฯ
6. ข้อมูลจากแหล่งอื่น เช่น ข้อมูลสาธารณะ ข้อมูลจากหน่วยงานพันธมิตร หน่วยงานราชการหรือโรงพยาบาลในเครือ ตลอดจนข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ที่ผู้ใช้บริการได้มอบไว้ให้วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
4. วัตถุประสงค์ในกำรเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคล
วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโรงพยาบาลอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้หรือตามวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่แจ้งขณะเก็บรวบรวมข้อมูลหรือที่ท่านได้ให้ความยินยอมหลังจากโรงพยาบาลดำเนินการเก็บข้อมูลไปแล้ว
1. จัดหาหรือส่งมอบบริการทางการแพทย์
2. สร้างและจัดเก็บข้อมูลประวัติการรักษาของท่าน
3. นัดหมาย แจ้งเตือน ประสานงานระหว่างท่านและแพทย์ หรือให้คำแนะน าเกี่ยวกับสุขภาพ
4. ประสานงานและส่งต่อข้อมูลให้แก่โรงพยาบาลในเครือข่าย และสถานพยาบาลอื่น ๆ ในกรณีที่มีการส่งต่อผู้ป่วย
5. ดำเนินกิจกรรมใดทางบัญชีและการเงิน เช่น การตรวจสอบบัญชี การแจ้งและเรียกเก็บหนี้การใช้สิทธิสวัสดิการต่าง ๆ ภาษี และหลักฐานการดำเนินธุรกรรมต่าง ๆ ที่กฎหมายกำหนด
6. เพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของโรงพยาบาล เช่น การบันทึกเสียงการร้องเรียนผ่านระบบ Call Center, การบันทึกภาพผ่านกล้อง CCTV
7. ใช้ในการสอบสวนและปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ หรือหน้าที่ตามกฎหมายของโรงพยาบาล
8. ใช้ข้อมูลในการยืนยันตัวตนผู้ป่วย
9. ใช้ในการประเมินผลและปรับปรุงธุรกิจ เพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ
10.ตอบสนองต่อคำขอของท่าน เช่น การรับเรื่องร้องเรียน
11.วัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่ได้รับคำยินยอมชัดแจ้งจากท่านบริษัทฯ จะไม่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากที่ระบุไปข้างต้นยกเว้นในกรณีมีความจำเป็นที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 อนุญาตให้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้ เช่น เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เป็นต้น
5. กำรเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูล ส่วนบุคคล
1. บริษัทฯ อาจเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลภายนอก ดังต่อไปนี้
- กลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์เมื่อท่านได้ให้ความยินยอม
- ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานของบริษัทฯ
บริษัทกำหนดให้บุคคลภายนอกข้างต้นต้องรักษาความลับและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามมาตรฐานที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ก าหนด และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทฯ ได้กำหนดหรือมีคำสั่งให้บุคคลภายนอกนั้น ดำเนินการบุคคลภายนอกจะไม่สามารถใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้
2. บริษัทฯ อาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้ในระบบประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) โดยใช้บริการจากบุคคลที่สามไม่ว่าตั้งอยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ โดยบริษัทฯ ได้เข้าทำสัญญากับบุคคลดังกล่าวด้วยความระมัดระวังและพิจารณาถึงระบบรักษาความปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้ให้บริการระบบ Cloud Computing นั้นให้กับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
3. บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้หน่วยงานราชการ บุคคล หรือนิติบุคคลใดๆเพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งศาล
6. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูล ส่วนบุคคล
1. ในกรณีที่ไม่ได้เข้าปฏิบัติงานกับบริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากท่านไว้เป็นระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่ได้รับข้อมูลดังกล่าว เพื่อเป็นหลักฐานในกรณีที่เกิดข้อสงสัยหรือข้อร้องเรียนถึงความไม่เป็นธรรมในการคัดเลือกเข้าปฏิบัติงานกับบริษัทฯ
2. ในกรณีที่บริษัทฯ ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ปฏิบัติตามคำสั่งศาล หรือต้องก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายเพื่อเข้ากระบวนการระงับข้อพิพาทใดๆ บริษัทฯ อาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามระยะเวลาของอายุความตามกฎหมายแล้วแต่กรณี
3. เมื่อพ้นระยะเวลาตามข้อ 1. หรือข้อ 2. บริษัทฯ จะดำเนินการทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้นตามขั้นตอนการทำลายข้อมูลของบริษัทฯ และจะดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยไม่ชักช้า
7. มาตรการในการเก็บรักษาและประมวลผลข้อมูล ส่วนบุคคล
1. บริษัทฯ จะจัดการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลด้วยมาตรการไม่น้อยกว่าระดับที่กฎหมายกำหนด และด้วยระบบที่เหมาะสม เพื่อป้องกันและรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เช่น ใช้โปรโตคอลความปลอดภัย (Secure Sockets Layer: SSL) ป้องกันด้วยไฟร์วอลล์ รหัสผ่าน และ มาตรการทางเทคนิคอื่นๆ สำหรับการเข้ารหัสข้อมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ต และจัดเก็บในสถานที่ที่มีระบบป้องกันการเข้าถึงที่จำกัดบุคคลที่สามารถเข้าถึงได้สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบเอกสาร
2. บริษัทฯ จำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่อาจจะเข้าถึงได้โดยพนักงาน ตัวแทน คู่ค้า หรือ บุคคลภายนอก การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกจะสามารถทำได้ตามเท่าที่กำหนดไว้หรือตามคำสั่ง ซึ่งบุคคลภายนอกจะต้องมีหน้าที่ในการรักษาความลับและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
3. บริษัทฯ จัดให้มีวิธีการทางเทคโนโลยีเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้รับอนุญาต
4. บริษัทฯ มีระบบตรวจสอบเพื่อจัดการทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่มีความจำเป็นในการดำเนินการของบริษัทฯ
8. การโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
1. บริษัทฯ อาจโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งกับท่านไว้ และได้รับการยินยอมจากท่านแล้ว โดยบริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบถึงมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่อาจไม่เพียงพอของประเทศปลายทาง
2. บริษัทฯ สามารถโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากท่านใน
กรณีที่การโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศนั้นเป็นไปเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น หรือเป็นไปตามข้อกำหนดในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
9. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิร้องขอให้บริษัทฯ ดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้ ดังนี้
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent): ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความ ยินยอมในการประมวลผลข้อมูลสวนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทฯ ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัทฯ
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access): ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและขอให้บริษัทฯ ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว รวมถึงขอให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทฯ ให้แก่ท่านได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification): ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทฯ แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือ เพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure): ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทฯ ทำการลบข้อมูลของ ท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing): ท่านมีสิทธิในการให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability): ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object): ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้ท่านสามารถติดต่อมาที่
[email protected] เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขอตามสิทธิข้างต้นได้
10. การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ อาจทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในอนาคตเพื่อพัฒนาให้เกิดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ดีขึ้น โดยบริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าว
11. ช่องทางการติดต่อ
ท่านสามารถติดต่อผู้ควบคุมข้อมูล สอบถามหรือใช้สิทธิใดๆที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล ได้ที่เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 88/8-9 หมู่ที่ 11 ถนนเทพารักษ์ กม.14.5 ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540 หรือ e-mail :
[email protected]